คำถามยอดฮิตที่หลายๆคนสงสัย เป็นสิวแล้วทาแค่ยาแต้มสิว จะหายไหม หรือต้องใช้ยาตัวไหนอีกบ้าง วันนี้หมอเลยจะมาสรุป เรื่องของสิวและเฉลยคำตอบว่าควรใช้ยาแบบไหนจึงจะดีที่สุดให้ทุกคนได้ศึกษากันนะคะ โดยที่หมอขออธิบายเป็นลำดับ เริ่มจากสาเหตุการเกิดสิว ไปจนถึงขั้นตอนการรักษาเลยค่ะ
1. สิว คือการอักเสบของรูขุมขนและต่อมไขมัน
2. กลไกหลัก 4 อย่างที่ทำให้เกิดสิวคือ
🔵 รูขุมขนอุดตันจากเซลล์ผิวที่ผิดปกติ
🟡 การสร้างไขมันเพิ่มขึ้นจากต่อมไขมัน
🟢 เชื้อแบคทีเรีย P.Acne
🔴 การอักเสบ
หัวข้อนี้ถือเป็นประเด็นสำคัญที่สุด ในการ #รักษาสิว เพราะหากเราเข้าใจกลไกทั้งหมด ก็จะทำให้การรักษาสิวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เรียกได้ว่าไม่ว่าสิวจะมาในรูปแบบไหนเราก็จัดการได้ทุกรูปแบบ
3. ยาทาสิวที่เป็นมาตรฐานการรักษาในระดับสากลประกอบไปด้วยยา 4 กลุ่ม คือ
#หนึ่ง อนุพันธ์วิตามินเอ หรือ Tropical Retinoids >> ออกฤทธิ์รักษากลไก 🔵🟡🔴
#สอง Benzoyl Peroxide >> ออกฤทธิ์รักษากลไก 🔵🟢
#สาม ยาฆ่าเชื้อแต้มสิว (Erythromycin หรือ Clindamycin) >> ออกฤทธิ์รักษากลไก 🟢🔴
#สี่ Azelaic Acid >> ออกฤทธิ์รักษากลไก 🔵🟢🔴
4. ดังนั้นหากเราเลือกใช้เฉพาะ ยาฆ่าเชื้อแต้มสิว (Erythromycin หรือ Clindamycin) ก็จะใช้รักษาสิวได้เฉพาะกลไกที่มีการอักเสบและมีการติดเชื้อเท่านั้น ไม่สามารถครอบคลุมการรักษาได้ทั้งหมดที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิว
5. จากประสบการณ์ของหมอที่ได้ตรวจคนไข้ พบว่าร้อยละ 50 มักจะมีประวัติใช้ยาฆ่าเชื้อแต้มสิวเพียงตัวเดียว การใช้ยาในลักษณะนี้อาจจะได้ผลในช่วงแรก แต่หลังจากนั้นร่างกายจะเกิด #ภาวะดื้อยา ทำให้การแต้มสิวต่อไปแล้วไม่ดีขึ้น รวมถึงการรักษาสิวจะยิ่งยากขึ้นเพราะเชื้อที่มีก็ยิ่งเก่งขึ้นตามไปด้วย
6. หมอแนะนำว่าการใช้ยาทาสิวที่ดีที่สุด ควรเป็น #การใช้แบบผสมผสาน ขึ้นกับลักษณะสิวและผิวของคนไข้ ควรทายาให้ครบถ้วนทุกต้องตามคำแนะนำของแพทย์ #ไม่ควรใช้ยาฆ่าเชื้อแต้มสิวเพียงตัวเดียว
7. ความจริงแล้ว ยาทารักษาสิวมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกพอสมควร บางตัวสามารถป้องกันการเกิดสิวในอนาคต บางตัวช่วยลดรอยดำ บางตัวช่วยลดริ้วรอยได้ด้วย หมอขออนุญาต เขียนอธิบายถึงคุณสมบัติและข้อดีของยาแต่ละตัวอย่างละเอียดในโพสต์ถัดๆไปในทุกคนได้อ่านกันนะคะ
หากใครมีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามเพิ่มเติมก็สามารถสอบถามได้เลยนะคะ หมอยินดีตอบให้ทุกคนค่ะ
Comments