โพสต์นี้หมอตั้งใจเขียนสรุปเนื้อหาที่น่าสนใจ และอธิบายถึงข้อมูลต่างๆในการรักษา เพื่อให้ทุกคนเห็นภาพและเข้าใจได้ง่ายยิ่งขึ้นครับ
เริ่มต้น : เคสนี้หมอเลือกให้การรักษาทั้งหมด 3 หัตถการคือ ฟิลเลอร์ใต้ตา , ฟิลเลอร์ปาก และโบท็อกซ์ลดริ้วรอย
1. #ฟิลเลอร์ใต้ตา ✨
- ร่องใต้ตาที่ลึกในเคสนี้ มีสาเหตุหลักจากการทรุดตัวของโครงสร้างกระดูกหน้าแก้มและเบ้าตา ร่วมกับมีการหย่อนของเอ็นบริเวณรอบดวงตา
- หมอพิจารณาใช้ ฟิลเลอร์ 2 ชนิดในการรักษาคือ #ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง ใช้วางชั้นลึกทดแทนบริเวณกระดูก ช่วยซัพพอร์ตกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นรอบดวงตา ให้เกิดแรงยกพยุงผิวทั้งหมดขึ้นมาจากด้านล่าง (ทำให้ไม่มีก้อนเวลายิ้ม)
- จากนั้นจึงใช้ #ฟิลเลอร์เนื้อเบา คอยเก็บรายละเอียดที่ผิวชั้นบน เก็บริ้วรอยรอยขนาดเล็ก ปรับสีผิวที่คล้ำให้สว่างขึ้น และเติมร่องน้ำตาที่เหลืออีกเล็กน้อยเพื่อให้การรักษาเรียบเนียนมากที่สุด
2. #ฟิลเลอร์ปาก 💋
- ขั้นแรกหมอเน้นไปที่การปรับรูปปากให้มีขนาดเท่า (เนื่องจากก่อนฉีดปากด้านขวาล่างมีขนาดเล็กกว่า)
- บริเวณนี้หมอเลือกใช้เทคนิคการฉีดให้ริมฝีปากล่างขวาม้วนเปิดออก ซึ่งเป็นวิธีที่ดีมากและทำได้ง่าย
- จากนั้นจึงเน้นไปที่การเพิ่มความอวบอิ่มของริมฝีปาก พร้อมกับให้ขอบปากคมชัดดูมีมิติมากยิ่งขึ้น
3. #โบท็อกซ์ริ้วรอย ⭐️
- ภาพด้านซ้าย(ก่อนการรักษา) จะพบว่าบริเวณหน้าผาก มีริ้วรอยแบบลึก หรือที่เราเรียกกันว่า “Static line” สามารถมองเห็นได้ตลอดเวลา รอยนี้มักพบในคนที่มีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป เกิดจากการใช้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นๆแสดงสีหน้าเป็นระยะเวลานาน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ใบหน้าดูมีอายุมากกว่าความเป็นจริง
- การรักษารอยแบบนี้ต้องอาศับความชำนาญและความต่อเนื่อง เพราะปัญหามักจะกินลึกลงไปในผิว แต่หากให้การรักษาด้วยโบท็อกซ์อย่างถูกวิธี ใช้ปริมาณยาที่เหมาะสม ร่วมกับการฉีดด้วยเทคนิคกระจายยาอย่างแม่นยำ ก็จะช่วยให้ริ้วรอยหายไปได้ถึง 80-90% เลยทีเดียว
- ดังนั้นหากใครที่เริ่มมีริ้วรอย หมอแนะนำเลยว่าการดูแลตั้งแต่อายุยังน้อย ริ้วรอยไม่มาก จะช่วยให้ผลลัพธ์การรักษาดี และป้องกันการเกิด Static line ในอนาคตได้อีกด้วยครับ
** ใครที่สนใจและต้องการปรึกษาหมอเพิ่มเติม สามารถทักเข้ามาสอบถามได้เลย หมอช่วยดูแลให้เองทุกเคสครับ 👩🏻⚕️👨🏻⚕️
———————————————-
** ขอบคุณ คุณต้า ที่อนุญาตให้หมอใช้รูปประกอบการเขียนแชร์ประสบการณ์และส่งต่อความรู้ในการรักษาครับ 🙏🏻
Comments